เราได้ตั้งมือถือให้ปลุก 6 โมงเช้า แต่ว่ามันเป็น 6 โมงเช้าของประเทศไทย! เท่ากับ 7 โมงเช้าของมาเลเซีย เพราะตอนมาปรับแต่นาฬิกาข้อมือ ดันลืมปรับในมือถือด้วย กลายเป็นว่าตื่นสายกว่าที่ตั้งใจ แต่ก็ไม่เป็นไร เผื่อเวลาไว้อยู่แล้ว ที่พักมีอาหารเช้าให้กินคือขนมปัง เนย แยม ไข่ต้ม ชาและกาแฟ กินๆไป แล้วก็คิดได้ว่าไม่จำเป็นต้องเลือกที่พักแบบมีอาหารเช้าเลย เพราะเช้าๆยังไม่ค่อยอยากกินอะไร
ออกเดินทางโดยนั่งรถโมโนเรลไป KL Sentral มีปัญหากับทางเข้านิดนึง เราเอาเหรียญแตะแล้วมันไม่ผ่าน ลองอยู่สองสามที จนพนักงานแถวนั้นมาช่วย โดยต้องเอาเหรียญวางทาบไปตรงๆ เราเอาขอบแตะไงมันเลยไม่ผ่าน แหม ไม่เหมือน MRT บ้านเราเลยอะ
ไปถึง KL Sentral ก็ไปซื้อตั๋วรถไปเกนติ้งที่ชั้นล่าง มีที่ว่างรอบเร็วสุดคือ11โมง ต้องรออีกสองชั่วโมงแน่ะ ค่ารถรวมค่ากระเช้าเป็น 9.30 RM ต่อเที่ยว (เข้าไปดูในเว็บอีกที ขึ้นราคาแล้วแฮะ Go Genting)
ระหว่างรอก็ออกไปเดินเล่นใกล้ๆ KL Sentral กับเดินดูร้านค้าข้างใน ท่าจะให้ดีต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าดีกว่าจะได้ไม่เสียเวลารอ
เมื่อถึงเวลาก็ขึ้นรถ นั่งรถไปสักชั่วโมงกว่า วนขึ้นเขาไปหลายรอบ จากนั้นก็ถึงทางขึ้นกระเช้า นั่งกระเช้าแกว่งไกวไปมาขึ้นเขาสูง ข้างล่างเป็นป่า หวาดเสียวเล็กน้อย ยิ่งสูงขึ้นไปก็เริ่มมีลมเย็นๆพัดเข้ามาทางช่องหน้าต่างเล็กๆ (กระเช้ามีวันที่ปิดบำรุงรักษาเดือนละหนึ่งวัน ถ้าไม่อยากพลาดการนั่งกระเช้าให้เช็ควันไปก่อน Monthly Maintenance) นอกจากวิธีการนั่งกระเช้าขึ้นไปก็ยังมีรถบัสที่วิ่งขึ้นไปถึงข้างบนด้วย
ขึ้นไปถึงแล้วก็เดินไปเรื่อยๆตามป้ายบอกทาง ไป Outdoor Theme Park อากาศเย็นสบาย ไปถึงสวนสนุกไปส่องๆดูที่ประตู ไม่ได้เข้าไปเล่นเพราะว่ามีแต่ตั๋วแบบเหมา แล้วเราตั้งใจจะไป Univesal Studio Singapore อยู่แล้ว เลยประหยัดไว้ดีกว่า (ค่าตั๋วดูได้ที่นี่ Tickets)
***ตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2013 Outdoor Theme Park ได้ปิดปรับปรุงเป็นเวลาสามปีเพื่อสร้าง Twentieth Century Fox Theme Park แห่งแรกของโลก
เดินต่อ ไป Indoor Theme Park เห็นโรงแรมหลากสี
ถึงสวนสนุกข้างใน มีร้านค้า ร้านอาหาร เวทีโชว์การแสดง เดินดูรอบๆ เจอคนสูบบุหรี่ ในอาคารนะเนี่ย เหม็นมากๆ
ในธีมพาร์คจะมีสัญลักษณ์สำคัญของประเทศต่างๆจำลองไว้ เช่น บิ๊กเบน หอไอเฟล เทพีเสรีภาพ คลองแห่งเวนิส(ปิดปรับปรุง) มีเครื่องเล่นหลายอย่าง จะซื้อตั๋วเหมาหรือแยกก็ได้ เรากะจะมาล่องเรือเวนิสสักหน่อย อดเลย
มีคาสิโนด้วย มีทางเข้าได้หลายทาง ลองเข้าไปดู ต้องมีอายุ21ปีขึ้นไปถึงเข้าได้ ใครหน้าเด็กถูกตรวจพาสปอร์ต (ไม่ได้ตรวจทุกคน) ข้างในคนสูบบุหรี่กันควันขโมงมากๆ มีแบ่งโซนเล็กๆห้ามสูบ แต่ยังไงก็เหม็นอยู่ดี เข้าไปดูให้รู้ว่า บ่อนมันเป็นอย่างนี้นี้เอง มีตู้สล็อตแมชชีน โต๊ะทายไพ่ ทายลูกเต๋า ฯลฯ ดูเฉยๆ ไม่ได้เล่น
ออกไปข้างนอกตึก อากาศเย็น ออกจะหนาวๆหน่อย พกเสื้อกันหนาวมาเผื่อก็ดีนะ หมอกหนาปกคลุมอาคาร
มีเครื่องเล่นที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่ Flying coaster รถไฟเหาะแบบนอน เรานั่งตากอากาศเย็นๆอยู่นาน ตรงนี้เป็นด้านหลังของสวนสนุก outdoor ถ้าไม่ได้ซื้อบัตรเข้าสวนสนุก แค่อยากสัมผัสอากาศดีๆข้างนอก ก็มีแค่ตรงนี้เอง นั่งดูคนเล่นรถไฟ
นั่งดูไปซักพักก็ถึงเวลาต้องเล่นบ้างแล้วล่ะ เครื่องเล่นนี้ต้องซื้อตั๋วแยก คนที่มีตั๋วเหมาอยู่แล้วจะซื้อได้ในราคา 10 RM ถ้าซื้อตั๋วรถไฟเหาะอย่างเดียวก็ 12 RM ก่อนเล่นก็ต้องไปฝากสัมภาระในล็อกเกอร์ก่อน ค่าฝาก 2 RM
ต่อแถวรอเล่น มีที่นั่งระหว่างรอด้วย เมื่อถึงคิวเราจะเล่นแล้ว ตรงข้างบนจะมีที่วางของ สำหรับคนที่ใส่แว่นตา หรือมีของมีค่าที่อาจตกหล่นได้ก็วางไว้ที่ชั้น ถ้าใส่รองเท้าแตะก็ต้องถอดไว้ จากนั้นก็ปีนขึ้นเครื่องเล่น มีที่เหยียบหลายขั้นตามความสูงของผู้เล่น เลือกยืนแล้วให้หัวเราโผล่ไปตรงช่องพอดี มีที่จับจับให้แน่นๆ เจ้าหน้าที่จะมากดที่ล็อกให้ด้านหลัง จากนั้นก็ค่อยๆเคลื่อนตัวไป ออกบิน!! เหาะไปฝ่าหมอกอันหนาวเย็น สนุกมาก ไม่ควรพลาด
หิวแล้ว หาอะไรกิน เข้ามาข้างใน นั่งตรงนี้ดูการแสดงจากด้านข้าง กินไก่ย่างพริกไทยดำ
นี่คือบ่อน้ำขอพร วางเหรียญลงไป ให้เหรียญกลิ้งๆๆลงบ่อ ไม่ได้ใช้เหรียญตัวเองหรอก รอดูคนอื่นทำ พอมีคนหนึ่งใส่เหรียญ ก็มีอีกหลายคนมามุงดู
เดินเล่นอีกหน่อย แล้วก็จะกลับละ เครื่องเล่นส่วนมากสำหรับเด็ก ก็เลยไม่ได้เล่นอะไร
เทพีแว้นซ์
เสียดายไม่ได้ค้างคืนที่นี่ ตอนแรกคิดว่าที่พักจะแพง เลยจองในเมืองไปก่อนแล้ว มารู้ทีหลังว่าถ้าเป็นวันธรรมดาจองล่วงหน้าไปนานหน่อยจะไม่แพงเลย เอาไว้ต้องหาโอกาสไปอีก
กลับแล้วล่ะ
ระหว่างทางเดินไปขึ้นกระเช้าบังเอิญเจอทางไปแกลเลอรี่ (บอกพิกัดไม่ถูกว่าอยู่ตรงไหน ขออภัย) ข้างในมีประวัติของสิ่งก่อสร้างบนเก็นติ้งไฮแลนด์ มีโมเดลจำลอง สวยน่าดู (ห้ามถ่ายรูป)
ที่นี่ห้องน้ำสกปรกมาก ทั้งในสวนสนุกและส่วนของโรงแรม (สกปรกตั้งแต่ที่สนามบินละ และอีกหลายที่)
มาต่อแถวขึ้นกระเช้า ดูป้ายไกลๆในภาพ เป็นป้ายบอกเวลาโดยประมาณว่าถ้าอยู่ตรงตำแหน่งนั้นต้องรออีกกี่นาทีถึงจะได้ขึ้นกระเช้า
สัมผัสหมอกเย็นๆครั้งสุดท้ายก่อนลงไปเจออากาศปกติ
มาที่ลานจอดรถ เรามาถึงก่อนเวลาที่กำหนดบนตั๋วหนึ่งชั่วโมง เคยอ่านเจอมาว่าถ้ารถว่างก็จะได้ขึ้น โชคดีรถว่างเลยไม่ต้องนั่งแกร่วอีกตั้งชั่วโมง
ไม่ได้ถ่ายรูปรถมาแฮะ
กลับมาที่ KL sentral
ไปขึ้น monorail
ทางเท้าที่นี่มีทางเดินสำหรับผู้พิการทางสายตา ใช้งานได้จริง
บนรถ monorail
ก่อนกลับห้องไปเดินห้าง
กะว่าอาจจะไปดูพี่มากซักหน่อย แต่เวลารอบที่จะถึงมันจะเลิกดึกเกิน ก็เลยไม่ได้ดู
ในห้างมีเซเว่นด้วย มีหลายชั้นด้วยนะ
ตู้หมุนไข่ยักษ์ มีกิจกรรมช็อปชิงโชค อะไรประมาณนั้น พยายามดูว่ามันใช้งานได้จริงๆหรือเปล่าหรือแค่ของโชว์ ดูๆแล้วน่าจะหมุนไข่ออกมาได้จริงนะ
ตรงนี้เป็นบันไดดนตรี เดินแล้วมีเสียง
เราชอบแวะเข้าไปดูร้านหนังสือ
เพราะจะมองหาอะไรที่เป็นแฮร์รี่ พอตเตอร์ แค่นั้นเอง (เราสะสมของแฮร์รี่) ร้านนี้มันเป็นร้านของอังกฤษ ก็คิดว่าจะมีอะไรให้อยากซื้อบ้าง แต่ว่ามีแค่พวกหนังสือภาพ ราคาก็พอๆกับที่ไทย (ที่สหรัฐฯจะมีของเล่นของสะสมด้วย)
จะกลับแล้ว ออกจากห้างมา ผ่านร้านอาหารไทยแล้วเกิดรู้สึกอยากกิน ที่นี่มีร้านอาหารไทยเยอะพบได้ทั่วไป อย่างศูนย์อาหารในห้างต้องมีซักร้านหนึ่งแหละเป็นร้านอาหารไทย
สั่งข้าวเหนียวมะม่วงมากิน จานนี้ 5RM อยู่ไทยยังไม่ค่อยได้กินเลยนะข้าวเหนียวมะม่วง เขาว่าชาวต่างชาติคลั่งไคล้กันมาก อร่อยจริงๆ
จากห้างถึงที่พักระยะทางประมาณหนึ่งสถานีรถโมโนเรลกว่าๆ ก็เดินเอา แถวที่พักนี้เป็นเนินเขา
จบวันที่สองของการเดินทาง