วันพฤหัสบดีที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

[เที่ยวมาเลเซีย-สิงคโปร์] วันที่1 ซื้อตั๋วบินไป...กัวลาลัมเปอร์, ตึกแฝด Petronas twin tower

มาเล มาเล มาเล มาเล มาเล มาเล ซื้อตั๋วบินไป กัวลาลัมเปอร์ (ร้องด้วยทำนองแบบเป้ อารักษ์)

ตั๋วน่ะซื้อไว้แล้ว เช็คอินจากบ้าน ปรินท์ออกมาเรียบร้อย
วันเดินทาง ตื่นแต่เช้า นั่งแท็กซี่ไปสนามบินดอนเมือง ราคารวมค่าทางด่วนราวๆ300บาท ไปถึงประมาณ7โมงครึ่ง เครื่องออก10โมง เคาน์เตอร์ยังไม่เปิดเช็คอินเลย ไปเดินเล่นรอบๆ เนื่องจากเคยไปสุวรรณภูมิมาแล้วเลยไม่ได้ตื่นเต้นกับดอนเมือง ระหว่างนั้นเราเจอแฟนพันธุ์แท้สุนทรภู่ด้วยล่ะ! แต่ไม่ทันได้ทัก มีคนทักไปก่อน แล้วเขาก็เดินจากไป เป็นเรื่องตื่นเต้นเล็กๆน้อยๆ จากนั้นเดินๆไปดูร้านอาหาร ราคาในสนามบินอะนะ ไม่ได้ซื้อหรอก หม่าม้าเตรียมข้าวกับหมูหวานมาให้กินเป็นมื้อเช้า ก็นั่งกินไป เสร็จแล้วไปเช็คอิน อ้อ เช็คอินแล้วในเว็บ แต่ว่าต้องตรวจเอกสาร เจ้าหน้าที่ถามว่า บินกลับเมื่อไร เค้าคงจะสงสัยว่าเราจะหนีไปทำงานมาเลหรือเปล่านะ เราบอกว่าเราจะบินกลับจากสิงคโปร์ พอดีว่าซื้อตั๋วแยก ก็โอเคไม่มีปัญหาอะไร เคยอ่านเจอมาว่า ถ้ามีตั๋วขาเดียวบินไปต่างประเทศอาจจะไม่ได้ไป เสร็จแล้วก็ไปผ่านด่านตม. สแกนสัมภาระ เดินไปเกท ไปก่อนเวลาตั้งนาน จะหลับรอแต่นอนไม่หลับ แล้วก็ถึงเวลาขึ้นเครื่อง โลว์คอสมันเป็นอย่างนี้นี่เอง เครื่องเล็กที่นั่งแคบ ขนาดเราเป็นคนขาสั้นนะ คนขายาวนี่ขาติดเบาะเลยล่ะ ระหว่างรอก็เห็นรถขนกระเป๋ามาโหลดใส่ใต้ท้องเครื่อง เห็นเลยว่าคนงานเขาโยนกระเป๋ากันแรงๆ ชิ้นส่วนหลุดกระเด็นเลยอะ O.o


จากกรุงเทพฯไปกัวลาลัมเปอร์ใช้เวลาเดินทางสองชั่วโมง เวลาประเทศเขาเร็วกว่าเราหนึ่งชั่วโมง ถึงแล้วอย่าลืมปรับนะ
เครื่องลงที่ LCCT ย่อมาจาก Low-Cost Carrier Terminal เครื่องจอดแล้วลงเดินไปเข้าตึก ไปเข้าห้องน้ำที่สนามบิน สกปรกมาก ให้ตายเถอะ จากนั้นไปผ่านด่านตม. เจ้าหน้าที่ไม่ถามอะไรเลย พยักเพยิดหน้าไปทางเครื่องสแกนนิ้ว เสร็จแล้วก็แปะสติกเกอร์มาให้ในพาสปอร์ต ประเทศมาเลเซียนี่ไม่มีให้กรอกใบตม.นะ


จากนั้นก็จะไปขึ้นรถบัสเข้าเมือง มีปัญหาเกิดขึ้น เราซื้อตั๋วรถบัสในเว็บแล้วไม่ได้ปรินท์ใบมา มันอยู่ในใบเดียวกับใบจองตั๋วเครื่องบินน่ะ ตอนทำเว็บเช็คอินเราก็ปรินท์ตั๋วมาเลยไม่ได้ปรินท์ไบจอง ในตั๋วก็ไม่ได้มีบอกเลยว่าเราซื้อตั๋วรถบัสมาแล้ว ทำยังไงดี ต้องเสียตังอีกรอบมั้ยเนี่ย เราเปิดมือถือดูมีไฟล์ใบจองอยู่ ก็เอาให้คนขายตั๋วดู เขาก็โอเคๆโบกมือขึ้นรถ ขึ้นไปบนรถมีคนมาเก็บตั๋ว เราก็เปิดในมือถือให้เขาดู เขาก็โอเคๆ พอคนเต็มรถก็ออก ฟู่... ปัญหาคลี่คลาย อ้อ ค่ารถเข้าเมืองซื้อในเว็บมา80บาทต่อคน ถ้าซื้อที่นี่9ริงกิต

เดินทางประมาณชั่วโมงนึงก็ถึง KL sentral เป็นศูนย์กลางของรถไฟฟ้าและรถบัสต่างๆนานา (เว็บไซต์ myrapid มีรายละเอียดทั้งรถไฟฟ้า และรถเมล์) เราเดินหาที่ซื้อตั๋วจะไปเกนติ้งวันรุ่งขึ้นแต่หาไม่เจอ ก็ช่างมันวันต่อไปค่อยมาซื้อ จะไปที่พักต้องไปขึ้นรถโมโนเรล ซึ่งสถานีไม่ได้อยู่ในตัว KL sentral แต่ต้องเดินออกไปอีก ข้ามถนน แล้วก็เดินไปอีก ขึ้นโมโนเรลไปลงสถานี Bugis Bintang ย่านนี้จะเป็นย่านของห้างสรรพสินค้าต่างๆ เป็นแหล่งชอปปิ้ง ที่พักเราต้องเดินเข้าซอยไปอีก เป็นโฮสเตล


เก็บของ พักเหนื่อยซักหน่อย จากนั้นออกเที่ยว วันแรกนี้จะไปตึกแฝดก่อนเลย ดูจาก google map มาก่อนแล้วว่าเดินไปได้  เรามองหาแผนที่ที่สนามบินกับที่สถานีรถไฟ ไม่มีแผนที่ให้หยิบฟรีเลย ต้องอาศัยGPSจากมือถือน้องช่วย เดินๆไปเจอทางเดินลอยฟ้าพอดี ทำให้เดินง่ายขึ้น เดินไปซักพักก็ถึงด้านหลังตึกแฝด มันช่างงามจริงแท้ แล้วก็เดินทะลุไปด้านหน้า ถ่ายรูปกับสัญลักษณ์ของมาเลเซีย ฉันมาถึงแล้วนะ





จากนั้นก็ไปเดินเล่นในห้างหลังตึกแฝด แล้วก็ไปหาอะไรกิน ไปเดินวนรอบฟู้ดคอร์ทสองรอบ กินข้าวมันไก่แล้วกัน เราซื้อข้าวมันไก่ต้มราคา6ริงกิต กับข้าวมันไก่บาร์บีคิว ราคา6.80ริงกิต ให้เงินคนขายไป13ริงกิต เขาทอนมา20เซนต์ ถูกต้อง แต่เขาจิ้มที่เครื่องคิดเงินว่าข้าวมันไก่ย่างสองจาน ราคาจานละ6 รวมเป็น 12ริงกิต เท่ากับว่าเขาได้เงินเราไป12.80 แต่เข้าในเครื่องแค่12 อีก0.8เข้ากระเป๋าตัวเอง! คนขายขี้โกงนี่!! และไก่นี่ก็ติดกระดูกมาเพียบ กินไม่อร่อยเลย เซ็งไก่


รอจนมืด ที่นี่กว่าจะมืดก็ราวๆสองทุ่มได้ ออกมาหลังตึกมีโชว์น้ำพุแสงสี ตึกแฝดตอนเปิดไฟมันช่างสวยงามจริงๆ





เดินทะลุไปด้านหน้า มองแล้วมองอีก อยากจะอยู่นิ่งๆจ้องมองนานๆ แต่ว่าปวดคอจัง



มองจนอิ่ม จากนั้นก็กลับ

จบวันที่หนึ่งของการเดินทาง

วันจันทร์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ลาออกไปเที่ยว

เนื่องจากไม่ชอบงานที่ทำ เราจึงมีความคิดที่จะลาออก และไม่ได้หางานใหม่ไว้ก่อนด้วย เพราะอยากเป็นคนว่างงานซักเดือนสองเดือน ทำอะไรหลายๆอย่าง รวมถึงออกเดินทางท่องเที่ยว เราเองเคยได้ไปท่องเที่ยวมาแล้วที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในโครงการ Work&Travel ซึ่งไม่ค่อยจะได้ตั้งใจทำงานเลย ตั้งใจไปเที่ยวมากกว่า ไปเที่ยว15วันเต็มๆ เป็นความทรงจำดีๆที่คิดถึงทีไรก็มีความสุข

ว่าด้วยเรื่องการไปเที่ยวครั้งนี้ ก็ต้องเลือกประเทศก่อนว่าจะไปไหนดี เรายังมีเงินเก็บไม่มากมายจึงเลือกไปใกล้ๆค่าตั๋วเครื่องบินไม่แพง ประเทศใกล้ๆไทยที่คนนิยมไปเที่ยวกันมากก็คือสิงคโปร์ เป็นประเทศเล็กๆที่มีความเจริญมาก การเดินทางก็สะดวก ไม่ต้องขอวีซ่าด้วย ระยะเวลาที่จะไปเที่ยวเราตั้งใจไว้ประมาณเจ็ดถึงสิบวัน ก็ว่างงานแล้วนี่นาเลยไปนานหน่อย แต่จะไปเที่ยวสิงคโปร์อย่างเดียวก็ดูจะนานไป เลยเลือกไปอีกประเทศหนึ่งคือมาเลยเซีย ใกล้ๆกัน ไปซักเก้าวันแปดคืน เที่ยวประเทศละสี่คืนน่าจะเต็มอิ่มกำลังดี

ไปเที่ยวกับใคร ไอ้เราเป็นคนเพื่อนน้อย ไม่รู้จะชวนใคร เพื่อนๆก็ทำงานกันไม่น่าจะว่าง จะไปคนเดียวก็ไม่กล้า เรายังไม่เก่งกาจเรื่องการเดินทาง ลองชวนน้องชายไป น้องเราเป็นคนไม่ชอบออกจากบ้าน แต่สุดท้ายก็ยอมไป น้องยังไม่เปิดเทอมเลยไปได้สบายๆ

ต่อไปก็เป็นการจองตั๋วเครื่องบิน เราวางแผนว่าขาไปจะไปลงที่กัวลาลัมเปอร์ แล้วขากลับจะกลับจากสิงคโปร์ ได้ตั๋วโปรฯของสายการบินโลว์คอสแห่งหนึ่ง ราคาไปกลับจากประมาณห้าพันกว่าเหลือสามพันกว่าๆต่อคน ราคานี้ยังไม่รวมค่ายิบย่อยมากมาย ค่าโหลดกระเป๋า ค่าประกัน ค่าเลือกที่นั่ง แต่เราไม่เลือกอะไรเพิ่มซักอย่าง กระเป๋าเราใช้สะพายหลังขึ้นเครื่องใบเดียวไม่ต้องโหลด ส่วนที่นั่งก็ใช้เทคนิคเช็คอินไม่เสร็จเพื่อให้ได้นั่งด้วยกันโดยไม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม หารายละเอียดได้จากกูเกิล

เรื่องที่พัก เราเลือกแบบHostels ราคาถูกมากๆ หาที่ที่ใกล้รถไฟฟ้า ซึ่งดูเหมือนว่าตรงไหนก็ใกล้เพราะรถไฟฟ้าประเทศเขาเยอะแยะไปหมด เราจะพักที่กัวลาลัมเปอร์สามคืน มะละกาหนึ่งคืน และสิงคโปร์สี่คืน ที่พักที่สิงคโปร์จะแพงกว่าที่มาเลเซียอยู่พอสมควร แต่ก็ถูกอยู่ดี

เตรียมตัวเดินทาง หาข้อมูลจากในเน็ต อ่านบันทึกของคนที่เคยไปมาแล้ว วางแผนว่าวันไหนจะไปไหน แลกเงินไปพอประมาณ แล้วก็พกเงินไทยไปด้วย ไม่พอค่อยแลกเพิ่ม จัดกระเป๋า เราจัดเสื้อผ้าไปสำหรับห้าวัน กะไปซักเอา กางเกงยีนส์ใส่ซ้ำ เสื้อบางๆม้วนเล็กๆ หัวแปลงปลั๊กไฟ มาเลเซียกับสิงคโปร์ใช้ปลั๊กไฟแบบขาแบนแนวนอน เรามีที่แปลงอยู่แล้วอันนึงซื้อไว้ตอนจะไปอเมริกา เป็น universal adapter ใช้ได้ทั่วโลก ตั้งใจว่าจะใช้ให้ครบทุกขาเลย


จัดกระเป๋าเสร็จ แม่บอกว่า ไปเก้าวัน กระเป๋าใบแค่เนี้ย? ใบแค่นี้ล่ะค่ะแม่